โรคไอกรน คืออะไร?
โรคไอกรน (Pertussis) เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ มีการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการไอ สามารถติดต่อได้ทางการหายใจ น้ำมูก และน้ำลาย สามารถเกิดได้ทุกวัย ส่วนวัยที่มีความเสี่ยงแทรกซ้อนได้มาก คือทารกและเด็กเล็ก ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต

โรคไอกรน ในเด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี อาจมีอาการรุนแรง เพราะเด็กในช่วงอายุนี้ยังได้รับวัคซีนป้องกันที่ยังไม่ครบหรือบางรายอาจยังไม่ได้รับวัคซีนเลย ทำให้เด็กขาดภูมิคุ้มกัน ลักษณะพิเศษที่ควรสังเกตุคือ ไอซ้อนๆ ติดๆ กัน 5-10 ครั้ง หรือมากกว่านั้นจนเด็กหายใจไม่ทัน จึงหยุดไอ และมีอาการหายใจเข้าลึกๆ เป็นเสียง วู๊ป สลับกันไปกับการไอเป็นชุดๆ จึงมีชื่อเรียกว่า “โรคไอกรน” บางครั้งอาการอาจจะเรื้อรังนานเป็นเวลา 2-3 เดือน

สาเหตุการเกิดโรค
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis (B. pertussis) เป็นเชื้อที่เพาะขึ้นใน Bordet Gengau media ซึ่งเป็นเชื้อที่เพาะขึ้นได้ยาก จะพบเชื้อได้ในลำคอ ในส่วน nasopharynx ของผู้ป่วยในระยะ 1-2 อาทิตย์แรก ก่อนมีอาการ ไอเป็นแบบ paroxysmal
อาการของโรคไอกรน
- ไอ ติดต่อนานเกิน 2 สัปดาห์
- มีน้ำมูก
- มีเสียงของลมหายใจดัง “วู้ป”
- อาเจียน ในขณะไอหรือหลังอาการไอ
- มีอาการหน้าเขียวหรือหน้าแดงหลังอาการไอ
- รู้สึกเหนื่อยมากหลังอาการไอ

การป้องกันเบื้องต้น
1. การให้วัคซีนในเด็กทารกแรกเกิด โดยปกติแล้ววัคซีนไอกรนจะบรรจุรวมอยู่ในวัคซีนเข็มรวมป้องกันทั้งหมด 3 โรค ได้แก่ ไอกรน คอตีบ และบาดทะยัก บางยี่ห้อนำไปรวมกับวัคซีนป้องกันตับอักเสบชนิดบี บางยี่ห้อรวมกับวัคซีนป้องกันโปลิโอชนิดฉีด หรือบางยี่ห้อรวมกับวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ เป็นต้น
2. เมื่อไอ หรือจาม ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีความเสี่ยง
3. ดูและสุขภาพของตนเอง และคนในครอบครัวให้สมบูรณ์แข็งแรง
“โรคไอกรน” สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย นอกจากเด็กที่มีความเสี่ยงกับโรคแทรกซ้อนสูงแล้ว ควรดูแลสุขภาพของพ่อ แม่ เองด้วย หากพบอาการข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อสุขภาพที่ดีของครอบครัว